ดอกปีบ...ที่คิดถึง
“ ...เฮ้ย...แกเป็นไงบ้าง ”
“ สบายดี แกล่ะ ”
“ สบายดี เหมือนกัน แต่ยุ่งๆหวะ ”
“ ใช่ดิ ทำงานแล้วนี่ ”
“ เออ แล้วงานแกเป็นไงบ้าง ”
“ ก็โอเคนะ แต่ก็ต้องปรับตัวอีกเยอะเลย แกล่ะ ”
“ ก็อย่างนี้แหละเป็นหัวหน้าก็ต้องรับผิดชอบมากแต่งานชั้นก็สนุกได้คิดอะไรเยอะ”
“ ชั้นรู้ว่าแกได้คิดเพราะว่าเมื่อก่อนแกไม่เคยคิดเลย555 ”
“ เออ ว่าชั้น แค่นี้ก่อนนะ ”
“ เออๆ แล้วค่อยคุยกัน คิดถึงแกนะ”
“ คิดถึงแกเหมือนกัน ”
หวัดดี....เพื่อน
หลังจากบทสนทนาทางโทรศัพท์จบลงความเงียบงันก็เข้ามาแทนที่ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าได้คุยกับแกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ตอนเรียนอยู่ชั้นปี 4 หรือว่าก่อนฉันเข้าทำงาน แกโทรมาหาฉันหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันนานมากแต่ฉันก็ดีใจที่แกโทรมาหาและมันทำให้ฉันคิดถึงแกมากและมากขึ้นของกลางดึกคืนนี้จนทำให้ฉันต้องไปเปิดดูอัลบั้มรูปเก่าๆดูรูปแกรวมถึงเพื่อนๆของเรารูปถ่ายใบนั้นฉันกับแกยืนอยู่ใกล้กันยิ้มหน้าระรื่นในวันที่เราไปเที่ยวเชียงใหม่ก่อนจะจบม.ปลายฉันจำได้ว่ากลัวความสูงมากจนไม่กล้าข้ามสะพานไม้เพื่อไปดูดอกไม้แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่พลาดที่จะได้ดูดอกไม้สวยๆแถมยังได้ติดมือกลับมาด้วยถ้าไม่มีมือแกมาจับพาฉันเดินไปตอนนั้นฉันคงต้องนั่งเหงาอยู่อีกฝั่งคนเดียวฉันส่งดอกปีบที่ร่วงอยู่แถวนั้นให้แกแทนคำขอบคุณโดยที่ฉันกับแกไม่ได้พูดอะไรกันเลยแต่ฉันรู้ว่าแกคงเข้าใจและส่งดอกปีบอีกดอกมาให้ฉันฉันเก็บดอกปีบที่แกให้ในสมุดบันทึก...
เมื่อเราต้องแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยคนละแห่งฉันกับแกโทรหากันทุกอาทิตย์ตอนอยู่ปี1 พอขึ้นปี 2,3 และ 4เราก็ห่างกันไปเรื่อยๆโทรหากันบ้างนานๆครั้งๆ ก็เราต่างมีเพื่อนกลุ่มใหม่กิจกรรมใหม่ๆ อยู่สถานที่ใหม่ๆ ด้วยเรื่องราวที่ต่างไปจากเดิมทำให้ความสำคัญในเรื่องเก่าๆคนเก่าๆห่างหายไปตามเวลา...
ตอนนี้ฉันกับแกต่างก็ทำงานแล้วนานๆครั้งฉันหรือแกถึงโทรหากันแต่เราก็เข้าใจและยังเมาท์แตกทุกครั้งที่เรานัดเจอแกรู้ไหมว่าดอกปีบสีขาวที่แกให้ในวันก่อนตอนนี้เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลและกลิ่นหอมๆของดอกปีบก็จางไปด้วยแต่เรื่องราวและภาพเมื่อวัยเยาว์ของเรายังคงชัดเจนทุกครั้งเมื่อคิดถึงแกล่ะคิดถึงฉันไหม...
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นเรื่องราวที่พบเจอก็มากขึ้นผู้คนใหม่ๆสถานที่ใหม่ๆแต่หัวใจดวงเดิมความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามวาระตามเวลาแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน ความเป็น “เพื่อน” ของเรายังแจ่มชัดคือความทรงจำเฉกเช่นภาพถ่ายเมื่อคิดถึงก็หยิบออกมาดู หายคิดถึงก็เก็บลงลิ้นชัก ถึงแม้ลิ้นชักใบนี้อาจจะไม่ได้ถูกเปิดบ่อยๆและภาพถ่ายใบนั้นอาจจะซีดจางแต่อดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับความทรงจำดีๆที่ผ่านมาว่าชีวิตมีความสุขแค่ไหนเพราะอะไรหรือแก...ก็เพราะโลกใบนี้มีความรัก...ความรักที่ก่อเกิดให้เกิดมิตรภาพไงล่ะ
ฉันรู้แล้วว่าทำไมห้องถึงเงียบตอนที่เราจบบทสนทนาทางโทรศัพท์ และฉันอยากจะบอกแกก่อนจบจดหมายฉบับนี้–คิดถึงแกนะ-เพื่อนรัก
Aromatic
ป.ล.ให้กลอนบทนี้พูดแทนความคิดถึงที่มีต่อแกนะ...เพื่อนรัก
ดอกเอ๋ยดอกสีขาว มีก้านยาวระย้าย้อย
ถูกลมที่ล่องลอย ดอกปีบน้อยร่วงหล่นไป
สีขาวของดอกปีบ มีหลายกลีบดูสดใส
กลิ่นหอมประทับใจ ยังจำได้ครั้งวัยเยาว์
เมื่อจบการศึกษา ก็บอกลามาจากเขา
วันนี้ไม่มีเรา ภาพเก่าๆยังชัดดี
ขอบคุณนะเพื่อนรัก ที่ทายทักกันวันนี้
มิตรภาพยังอุ่นดี ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน
ในรอยจำหน้าหนึ่งๆ มีคำซึ้งเธอให้ฉัน
อีกหน้าที่ติดกัน ดอกปีบนั้นยังอยู่ใกล้
กลิ่นหอมอาจจะจาง เมื่อต้องห่างกันไปไหน
มิตรภาพไม่จางไป อยู่ในใจเราทุกครา
คิดถึงนะคิดถึง ดูไม่ซึ้งแต่ห่วงหา
สุดท้ายจะกลับมา เมื่อรู้ว่า...ดอกปีบ...ยังเฝ้าคอย