16 พ.ค. 2555

ดอกมะลิบาน


สวัสดีเธอ...
      ยังจำดอกมะลิดอกนี้ได้ไหม  เธอเก็บให้ฉันจากหน้าหอเมื่่อครั้งที่เรายังเป็นนักศึกษา  ฉันเปิดเจอในสมุดบันทึกเล่มเก่าในนั้นเรื่องราวของเรายังครบถ้วนชัดเจน...
      ตอนนี้ที่หน้าบ้านฉันดอกมะลิออกดอกบานเต็มต้นส่งกลิ่นหมอฟุ้ง  ฉันบอกให้พ่อชำต้นมะลิไว้ให้ฉันสักต้นเพื่อจะเอาไปปลูกหน้าบ้านเธอ  ถึงเวลานั้นดอกสีขาวๆจะส่งกลิ่นหอมๆและบานเต็มต้น
      เธอยังจะเก็บดอกมะลิบานให้ฉันไหม???  เมื่อดอกมะลิบานหน้าบ้านเรา

                                                                              รักและคิดถึง
                                                                                 AromaPat

15 พ.ค. 2555

ดอกไม้...ของแม่


พ่อซื้อดอกกล้วยไม้มาให้แม่...
แต่แม่เลี้ยงกล้วยไม้ไม่เป็น
พ่อดูแลกล้วยไม้ให้แม่ทุกวัน
ฉีดน้ำ...ให้ปุ๋ย
แม่ดีใจ...ที่กล้วยไม้ออกดอก
พ่อไม่ได้บอกรักแม่ให้เราได้ยิน
แต่ที่เราเห็น...
ความใส่ใจของพ่อ
ทำให้เรารู้ว่า...
พ่อรักแม่มากแค่ไหน
ป.ล. อยากเห็นความใส่ใจกันทุกครอบครัวเหมือนกับครอบฉัน  Smiley

1 พ.ค. 2555

จดหมายจากดอกปีบ


ดอกปีบ...ที่คิดถึง
“ ...เฮ้ย...แกเป็นไงบ้าง 
“ สบายดี แกล่ะ ”
“ สบายดี เหมือนกัน แต่ยุ่งๆหวะ 
“ ใช่ดิ ทำงานแล้วนี่ 
“ เออ แล้วงานแกเป็นไงบ้าง 
“ ก็โอเคนะ แต่ก็ต้องปรับตัวอีกเยอะเลย แกล่ะ 
“ ก็อย่างนี้แหละเป็นหัวหน้าก็ต้องรับผิดชอบมากแต่งานชั้นก็สนุกได้คิดอะไรเยอะ
“ ชั้นรู้ว่าแกได้คิดเพราะว่าเมื่อก่อนแกไม่เคยคิดเลย555 ”
“ เออ ว่าชั้น แค่นี้ก่อนนะ 
“ เออๆ แล้วค่อยคุยกัน คิดถึงแกนะ
“ คิดถึงแกเหมือนกัน 
หวัดดี....เพื่อน
หลังจากบทสนทนาทางโทรศัพท์จบลงความเงียบงันก็เข้ามาแทนที่ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าได้คุยกับแกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ตอนเรียนอยู่ชั้นปี 4 หรือว่าก่อนฉันเข้าทำงาน แกโทรมาหาฉันหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันนานมากแต่ฉันก็ดีใจที่แกโทรมาหาและมันทำให้ฉันคิดถึงแกมากและมากขึ้นของกลางดึกคืนนี้จนทำให้ฉันต้องไปเปิดดูอัลบั้มรูปเก่าๆดูรูปแกรวมถึงเพื่อนๆของเรารูปถ่ายใบนั้นฉันกับแกยืนอยู่ใกล้กันยิ้มหน้าระรื่นในวันที่เราไปเที่ยวเชียงใหม่ก่อนจะจบม.ปลายฉันจำได้ว่ากลัวความสูงมากจนไม่กล้าข้ามสะพานไม้เพื่อไปดูดอกไม้แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่พลาดที่จะได้ดูดอกไม้สวยๆแถมยังได้ติดมือกลับมาด้วยถ้าไม่มีมือแกมาจับพาฉันเดินไปตอนนั้นฉันคงต้องนั่งเหงาอยู่อีกฝั่งคนเดียวฉันส่งดอกปีบที่ร่วงอยู่แถวนั้นให้แกแทนคำขอบคุณโดยที่ฉันกับแกไม่ได้พูดอะไรกันเลยแต่ฉันรู้ว่าแกคงเข้าใจและส่งดอกปีบอีกดอกมาให้ฉันฉันเก็บดอกปีบที่แกให้ในสมุดบันทึก...
เมื่อเราต้องแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยคนละแห่งฉันกับแกโทรหากันทุกอาทิตย์ตอนอยู่ปี1 พอขึ้นปี 2,3 และ 4เราก็ห่างกันไปเรื่อยๆโทรหากันบ้างนานๆครั้งๆ ก็เราต่างมีเพื่อนกลุ่มใหม่กิจกรรมใหม่ๆ อยู่สถานที่ใหม่ๆ ด้วยเรื่องราวที่ต่างไปจากเดิมทำให้ความสำคัญในเรื่องเก่าๆคนเก่าๆห่างหายไปตามเวลา...
ตอนนี้ฉันกับแกต่างก็ทำงานแล้วนานๆครั้งฉันหรือแกถึงโทรหากันแต่เราก็เข้าใจและยังเมาท์แตกทุกครั้งที่เรานัดเจอแกรู้ไหมว่าดอกปีบสีขาวที่แกให้ในวันก่อนตอนนี้เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลและกลิ่นหอมๆของดอกปีบก็จางไปด้วยแต่เรื่องราวและภาพเมื่อวัยเยาว์ของเรายังคงชัดเจนทุกครั้งเมื่อคิดถึงแกล่ะคิดถึงฉันไหม...
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นเรื่องราวที่พบเจอก็มากขึ้นผู้คนใหม่ๆสถานที่ใหม่ๆแต่หัวใจดวงเดิมความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามวาระตามเวลาแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน ความเป็น เพื่อน” ของเรายังแจ่มชัดคือความทรงจำเฉกเช่นภาพถ่ายเมื่อคิดถึงก็หยิบออกมาดู หายคิดถึงก็เก็บลงลิ้นชัก ถึงแม้ลิ้นชักใบนี้อาจจะไม่ได้ถูกเปิดบ่อยๆและภาพถ่ายใบนั้นอาจจะซีดจางแต่อดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับความทรงจำดีๆที่ผ่านมาว่าชีวิตมีความสุขแค่ไหนเพราะอะไรหรือแก...ก็เพราะโลกใบนี้มีความรัก...ความรักที่ก่อเกิดให้เกิดมิตรภาพไงล่ะ
ฉันรู้แล้วว่าทำไมห้องถึงเงียบตอนที่เราจบบทสนทนาทางโทรศัพท์ และฉันอยากจะบอกแกก่อนจบจดหมายฉบับนี้คิดถึงแกนะ-เพื่อนรัก
Aromatic
ป.ล.ให้กลอนบทนี้พูดแทนความคิดถึงที่มีต่อแกนะ...เพื่อนรัก
ดอกเอ๋ยดอกสีขาว  มีก้านยาวระย้าย้อย
ถูกลมที่ล่องลอย    ดอกปีบน้อยร่วงหล่นไป
สีขาวของดอกปีบ   มีหลายกลีบดูสดใส
กลิ่นหอมประทับใจ  ยังจำได้ครั้งวัยเยาว์
เมื่อจบการศึกษา  ก็บอกลามาจากเขา
วันนี้ไม่มีเรา ภาพเก่าๆยังชัดดี
ขอบคุณนะเพื่อนรัก  ที่ทายทักกันวันนี้
มิตรภาพยังอุ่นดี   ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน
ในรอยจำหน้าหนึ่งๆ   มีคำซึ้งเธอให้ฉัน
อีกหน้าที่ติดกัน  ดอกปีบนั้นยังอยู่ใกล้
กลิ่นหอมอาจจะจาง  เมื่อต้องห่างกันไปไหน
มิตรภาพไม่จางไป  อยู่ในใจเราทุกครา
คิดถึงนะคิดถึง  ดูไม่ซึ้งแต่ห่วงหา
สุดท้ายจะกลับมา  เมื่อรู้ว่า...ดอกปีบ...ยังเฝ้าคอย

เด็กเอ๋ย...เด็กน้อย



เจ้าเด็กเอ๋ย...เจ้าเด็ก...ตัวน้อยน้อย
ความรู้เจ้า...ยังด้อย...เร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่...เจ้าอยากได้...ปริญญา
จนต้องหา...ที่ร่ำเรียน...เพิ่มเติมไป

เมื่อปิดเทอม...หน้าร้อน...ย้อนอีกครั้ง
เจ้าก็ยัง...ต้องร่ำเรียน...ไปถึงไหน
ตัวยังเล็ก...แบกตำรา...ขึ้นรถไป
เลื่อนชั้นใหม่...เตรียมตัว...กวดวิชา

2 ชั่วโมง...ตอนเช้า...เรียนเคมี
วันที่มี...จัดสรร...เรียนภาษา
ทั้งฟิสิกส์...คณิต...ชีววิทยา
มีเวลา...เด็กน้อย...ลงคอร์สไป

คอร์สพื้นฐาน...คอร์สล่วงหน้า...คอร์สตะลุย
จะได้คุย...กับเพื่อน...เรียนที่ไหน
เพื่อนเรียนได้...ฉันก็เรียน...ตามกันไป
เปิดเทอมใหม่...ลองคอร์สเอนท์...ด้วยอีกคน

ถ้าเด็กน้อย...กวดวิชา...ตามกระแส
เงินพ่อแม่...ขอมา...อาจขัดสน
กวดวิชา...ไม่บอกค่า...ความเป็นคน
เจ้าลองค้น...หาคำตอบ...กวดวิชา

ขึ้นอยู่กับ...จุดประสงค์...ของเด็กน้อย
เจ้าค่อยค่อย...ร่ำเรียน...เพียรศึกษา
เพื่อวันหนึ่ง...เจ้าจะได้...ปริญญา
หรือเพียงว่า...กวดวิชา...ค่านิยม