11 เม.ย. 2555

พระจันทร์...อร่อย

          
     กี่ปีมาแล้วที่ไม่ได้ฟังนิทานก่อนนอน สำนึกแห่งวัยเยาว์เริ่มหวนคืนมา เจ้าหญิง เจ้าชาย ดวงดาว ดอกไม้ พระจันทร์ ดินแดนแห่งความสุขที่เด็กๆรู้จักเป็นอย่างดี
     ฉันฟังนิทานมาหลายเรื่อง บางเรื่องก็สั้นบางเรื่องก็ยาวจากพ่อแม่และคุณครู บางเรื่องก็มีภาพให้ดูด้วย นิทานของฉันไม่ได้เพิ่มตามวัยและเวลาที่มากขึ้นแต่กลับดูจะห่างหายและลบเลือนไปตามเวลาและเรื่องราวในแต่ละวัน
     คงมีนิทานสักเรื่องที่ยังจำได้และเป็นนิทานที่อยู่ในความทรงจำ ฉันมีนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง นิทานของพ่อ พ่อเล่าให้ตอนฉันยังเป็นเด็กถึงนานมาแล้วแต่ฉันก็ยังจำได้เรื่อง "พระจันทร์...อร่อย" *
     "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระจันทร์ดวงกลมโตบนท้องฟ้ามีสีขาวนวลสวยงาม ทำให้สัตว์ต่างๆ พากันออกมาดูและนึกถึงรสชาดของอาหารที่แสนอร่อยของตน ช้างนึกถึงอ้อย ลิงนึกถึงกล้วย ส่วนเต่าก็นึกถึงผักบุ้ง เต่าอยากลองชิมพระจันทร์ จึงเดินขึ้นไปถึงยอดเขา แต่เขย่งขาอย่างไรก็ไม่ถึงพระจันทร์ เต่าจึงไปเรียกช้างมาช่วย ช้างขึ้นเหยียบหลังเต่าแล้วใช้งวงเอื้อมไปหาพระจันทร์ แต่พระจันทร์ขยับลอยหนีขึ้นไป ช้างเอื้อมงวงไม่ถึงกระจันทร์ ก็เลยไปเรียกยีราฟมาช่วย ยีราฟขี่หลังช้าง ช้างเหยียบบนหลังเต่า ยีราฟยืดคอยาวออกไป พระจันทร์คิดว่ายีราฟจะมาเล่นไล่จับก็ขยับลอยหนีออกไป ยีราฟก็เลยจับไม่ถึงพระจันทร์ จากนั้นก็มีม้าลาย สิงโต หมาจิ้งจอก ลิง มาช่วย  สัตว์ต่างๆ ขี่หลังต่อตัวซ้อนกัน แต่ก็จับไม่ถึงพระจันทร์ เพราะพระจันทร์ขยับตัวสูงขึ้นไป เมื่อลิงไปตามหนูให้มาช่วย สัตว์ทั้งหลายต่อตัวกันให้หนูอยู่บนสุด คราวนี้พระจันทร์เห็นว่าหนูตัวเล็กนิดเดียวก็เลยไม่เขยิบหนี หนูจึงจับพระจันทร์ได้ แล้วบิพระจันทร์ออกมากินหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ส่งต่อแบ่งให้เพื่อนๆ กิน สัตว์ทั้งหลายต่างมีความสุขที่ได้กินพระจันทร์แสนอร่อย ส่วนพระจันทร์ถูกกินจนแหว่งก็เลยกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนท้องฟ้า" ฉันคิดว่านิทานจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ไม่ใช่พ่อเล่าต่อว่า
     "ในท้องน้ำ ปลาเฝ้าดูด้วยความสงสัยว่าพวกเพื่อนๆ ต้องต่อตัวให้ลำบากทำไม ก็ในเมื่อพระจันทร์อยู่ในน้ำนี่เอง" นิทานเรื่องนี้ก็จบลง "อ้าว!!!จบง่ายๆแบบนี้เหรอ" ฉันแอบบ่นในใจ
     พ่อบอกว่า "ปลาได้ชิมรสชาดของพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนในน้ำ โดยไม่ต้องขึ้นไปที่สูงๆและจะให้ปลาปีนไปบนที่สูงๆก็ไม่ได้เพราะปลาต้องอยู่ในน้ำ เรื่องที่ดูเหมือนจะยากกลับง่ายนิดเดียว ก็เหมือนกับความสุขที่หาได้ง่ายๆใกล้ๆตัว สุขในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ต่างจากสัตว์อื่นๆที่ต้องพยายามไปหาความสุขที่อยู่ไกลแสนไกลและได้มาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่สิ่งที่พวกสัตว์เหล่านี้ฝากไว้ใ้ห้คิดอีกเรื่องหนึ่งก็คือต่างก็รู้จักเสียสละให้กับผู้อื่นยอมที่จะอยู่ด้านล่างขี่หลังต่อตัวซ้อนกันเพื่อให้ผู้อื่นสำเร็จในสิ่งที่หวังไว้และรู้จักแบ่งปันความอร่อยของพระจันทร์ให้แก่กันด้วย"
     ฉันไม่รู้ว่าพ่อเอาเรื่องนี้มาจากไหนและตอนนั้นฉันเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่แฝงมากับนิทานเท่าใดนัก รู้เพียงว่าอยากจะชิมพระจันทร์ว่ามันจะอร่อยจริงไหม^_^ ในวันและวัยที่มีเรื่องทุกข์ร้อนและความสุขหาไม่ได้ง่ายๆ กลับไปรื้อค้นหาอะไรปลอบใจในตู้หนังสือที่บ้าน "พระจันทร์...อร่อย" หนังสือนิทานเล่มเล็กของพ่อยังอยู่ดีแม้สีกระดาษและรูปภาพจะซีดจางไปบ้าง ฉันหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ทำให้ฉันคิดได้่ รู้จักปล่อยวาง มองสิ่งรอบๆตัวด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปและเข้าใจมากขึ้น
     หลายคนคงคิดว่าตัวเองโตแล้วจึงไม่สมควรฟังนิทานต่อไปคนที่ฟังนิทานสมควรจะเป็นเด็กๆมากกว่า แต่ฉันกลับคิดว่านิทานสร้างขึ้นเพื่อจรรโลงจิตใจ ช่วยกล่อมเกลาจิตใจใ้ห้รู้จักรักและเสียสละแ่ก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
          นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้ฟังนิทาน อาจจะนานจนจำไม่ได้ ฉันเพียงอยากจะบอกว่านิทานไม่เคยละเลยความสัมพันธ์ระหว่างผีเสื้อกับดอกไม้ นกนางนวลกับท้องทะเล หวังว่าคุณคงไม่ละเลยนิทานเรื่องเก่าให้หายไปจากความทรงจำเสมือน...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว!!!!

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*"พระจันทร์...อร่อย" ปรีดา ปัญญาจันทร์ เรียบเรียง สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก, 2549 
ไมเคิล เกรจ์เนียซ เรื่องและภาพ จากเรื่อง How does the Moon taste? 

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ11 เมษายน 2555 เวลา 22:14

    เคยได้ยินแต่เรื่องเหล้า เคล้านารี อิอิ

    ตอบลบ