นาฬิกาบอกเวลา
5 โมงเย็น ฉันขี่จักรยานเล่นแถวๆริมทะเลหวังว่าจะได้ดูพระอาทิตย์ตกน้ำทะเล
ทุกๆวันฉันต้องผ่านบ้านไม้สีขาวหลังหนึ่ง
บ้านไม้สีขาวธรรมดาๆสำหรับใครหลายคนแต่สำหรับฉันแล้วมันคือบ้านในฝันและตรงกับแปลนบ้านที่ฉันคิดฝันไว้ฉันจึงสนใจเป็นพิเศษ
บ้านใครก็ไม่รู้แต่ที่รู้และที่เห็นเป็นบ้านไม้สีขาวสองชั้น
ประตูรั้วไม้ระแนงสีขาว ตัวบ้านยกสูงใต้ถุุนเปิดโล่ง
มีระเบียงกว้างมากๆและที่สำคัญบ้านหลังนี้ติดทะเล ถ้าฉันยืนตรงระเบียงดูพระอาทิตย์ตกน้ำทะเลคงเป็นมุมที่สวยที่สุดมุมหนึ่ง
มีต้นลีลาวดีซึ่งมีดอกไม่กี่ดอกและมีใบเพียงไม่กี่ใบ
มีต้นมะพร้าวหนึ่งต้นและมีหมาน้อยนอนอยู่ตรงบันไดขั้นที่5 "เฮ้ย...อยากจะเข้าไปจัง" ฉันเริ่มฟุ้งซ่าน
บ้านหลังนี้จะว่าเป็นบ้านร้างก็ไม่ใช่เพราะมีเจ้าหมาน้อยนอนอยู่ตรงบันได
เจ้าของบ้านต้องเป็นใครสักคนที่ไม่อยู่ติดกับที่จึงปล่อยให้บ้านเงียบขนาดนี้
ฉันมีความรู้สึกว่าหมาน้อยมันเหงาๆมันคงรอคอยใครสักคนมาเล่นกับมัน
ฉันเลยเข้าไปทักทายเจ้าหมาน้อย
เจ้าหมาน้อยมองฉันอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจกระดิกหางเข้ามาหาฉันตรงประตู
ฉันเอาขนมปังให้มันหนึ่งก้อน กินเองหนึ่งก้อน เจ้าหมาน้อยกินหมดก่อนฉัน ฉันเลยแบ่งให้มันอีกครึ่งก่้อน ฉันนึกสงสัยในแต่ละวันมันจะกินอาหารที่ไหนแต่เห็นเศษอาหารหมาสำเร็จรูปและจานอาหารอยู่ตรงข้างบันไดคงมีใครมีหน้าที่ให้อาหารเจ้าหมาน้อยทุกวันแหละ
ปกติแล้วฉันเป็นโรคไม่ถูกกับสัตว์สักเท่าไหร่ประหนึ่งไม่อาจเป็นนางสาวไทยได้แต่อดไม่ได้ที่จะลูบหัวมัน
มันก็ก้มหัวรับอย่างนอบน้อม เจ้าหมาน้อยทำให้ฉันรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของโดยทันที
ฉันจึงเรียกเจ้าหมาน้อยตัวนี้ว่า...สปา
เย็นวันรุ่งขึ้นฉันก็ไปเจ้าสปาอีกและไปมาหาสู่กันนานนับเดือน
คุยกันตรงประตูรั้วที่เดิม แม้จะมีประตูรั้วมาขวางกั้นฉันกับสปาไว้แต่ก็ไม่สามารถขวางกั้นมิตรภาพที่ฉันและสปาต่างมีให้กัน
ถ้าวันไหนฉันไม่ได้ไปหาเจ้าสปาฉันจะเป็นห่วงมันอย่างมาก มันจะหิวไหม
ใครจะเล่นกับมัน คิดแล้วอยากจะเจอหน้าเจ้าของ สปา....ทำไมใจร้ายนัก
วันนี้ฉันมาขี่จักรยานเล่นเช่นเดิมและไม่ลืมที่จะแวะหาเจ้าหมาน้อย
"สปา...สปา" ฉันเรียกหาเจ้าเพื่อนสี่ขา เงียบ...ไม่มีเจ้าสปามากระดิกหางต้อนรับอย่างทุกวัน
ฉันลองเรียกอีกครั้ืง ตาก็สำรวจความผิดปกติของบ้านไม้สีขาว วันนี้ประตูรั้วไม้ระแนงสีขาวเปิดอยู่ฉันเลยถือวิิสาสะเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร
"คุณรู้จักหมาผมด้วยเหรอครับ" ฉันหันไปมองตามเสียง
ชายหนุ่มแบกเป้ใบโตบนบ่าโดยมีเจ้าสปาอยู่ไม่ห่างกาย
"ชั้นตั้งชื่อหมาคุณว่าสปาเองแหละ ชั้นมาเล่นกับสปาทุกวัน
แล้วคุณไปไหนมาทำไมถึงปล่อยให้หมาคุณอยู่บ้านลำพัง"
ฉันใส่เป็นชุดเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้าสปา
"ผมก็เดินทางไปเรื่อย
ส่วนไอ้เจ้าตัวนี้ชื่อสปา ขอบคุณที่มาเล่นกับสปาหมาผมนะครับ แต่เอ๊ะ!!!
คุณนี่เก่งจังนะตั้งชื่อได้ตรงกับความจริงมากๆ สุดยอดเลยครับ
เดี๋ยวผมจะส่งไปรายการแฟนพันธุ์แท้ ตอน...แฟนพันธุ์แท้เจ้าสปา ดีมั๊ยครับ"
ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ขัน
"ไม่ตลกเลยคุณ
ชั้นนึกแล้วเชียวว่าเจ้าของบ้านจะต้องอยู่ไม่เป็นที่ แล้วทำไมคุณต้องเลี้ยงหมาด้วย
ไม่สงสารหมาคุณบ้างหรือไงมันก็อยากมีเพื่อนเล่นเหมือนกันนะ" ฉันใส่ต่ออีกชุด
"ผมจ้างคนแถวนี้ดูแลให้อาหารเจ้าสปา
ผมรู้ว่ามันคงเหงาแต่ชีวิตคือการได้เดินทางได้แสวงหา
ผมเลี้ยงหมาไว้เป็นเพื่อนเพราะผมไม่มีใครถึงผมจะไม่ได้เอาหมาไปด้วยแต่เวลาที่ผมเดินทางทีไรผมก็คิดถึงมันเสมอทำให้ผมอยากกลับบ้านทุกครั้งเพราะรู้ว่ายังมีบางสิ่งรอผมอยู่ที่บ้าน" เขากล่าวอย่างสำนึกผิด
"คิดถึงและอยากกลับบ้านทุกครั้งแล้วจะไปทำไม" ฉันแอบบ่นเบาๆอย่างไม่เข้าใจกับความคิดของเขาเลย
ชายหนุ่มเชื้อเชิญฉันขึ้นบ้านและชวนฉันไปที่ระเบียง
"นั่นๆ คิดอะไรกับชั้นรึเปล่านี่" ฉันแอบคิดในใจ
แต่ก็ตามไปอย่างคนใจง่าย
ก็คนมันอยากเห็นบ้านในฝันอยากเข้ามาในบ้านไม้สีขาวหลังนี้อยู่นานแล้วเมื่อมีโอกาสรวมทั้งเขาก็ไม่น่ากลัวอะไรฉันเลยเดินตามไปที่ระเบียงริมทะเล
พระอาทิตย์ดวงโตๆสีส้มๆกำลังจมน้ำทะเลพอดี ลมทะเลเย็นๆโชยมา
ฉันไม่ได้ฝันไปที่ได้มาอยู่ในบ้านในฝัน...สักครั้งน่ะ...บ้านไม้สีขาว...แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
ฉันเอ่ยขอบคุณสำหรับการดูพระอาทิตย์จมน้ำทะเล
"มาเล่นกับสปาอีกนะครับ" เขากล่าวชวน
ฉันไม่ได้ตอบอะไรไปกับเขาแต่หันไปยิ้มให้กับสปาอย่างรู้กันว่าจะมาหามันเหมือนเดิม
ฉันยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งตอนขี่จักรยานกลับบ้าน
คนเราไม่เหมือนกันเลยนะ ต่างคนก็ต่างมีความฝันมีจุดหมายฉันก็ฝันแบบหนึ่ง
เขาก็ฝันอีกแบบหนึ่ง
บางครั้งก็ต้องออกเดินทางถึงจะเจอสิ่งที่ฝันไว้และเมื่อออกเดินทางไปแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ที่บ้านตัวเองแท้ๆ
หมาน้อยในบ้านไม้สีขาวทำให้ฉันรู้จักการใช้ชีวิตด้วยความหวังแห่งการรอคอย
มันเต็มใจที่จะรอคอยแม้ไม่รู้ว่าเจ้าของมันจะกลับมาเมื่อไหร่พร้อมๆกับการสร้างมิตรภาพใหม่ๆขึ้นมาด้วย
ฉันยังคิดอยู่ในใจแค่นี้ก็ต้องให้หมามาสอนด้วย
การรอคอยทำให้เราเหงาแต่ธรรมชาติจะหยิบยื่นความเคยชินมาให้กับเราเช่นเดียวกับมิตรภาพที่ไม่ใช่คนแปลกหน้าเราสามารถหยิบยื่นให้กันโดยเปิดใจรับแล้วเราจะรู้ว่า....การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น